วันจันทร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2556

สูตรน้ำสมุนไพร 3 สหาย



สูตรน้ำสมุนไพร 3 สหาย
รวมกันเป็นยา ...แต่หอมอร่อยชื่นใจ 

สมุนไพรมีอยู่มากมายหลายตำรับ แต่ที่ตรงคำกล่าวที่ว่า "สูงสุดคืนสู่สามัญ" ยาสมุนไพรสูตรตำรับเดียว ที่ใช้ป้องกันได้ทั้งโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันและโรคหลอดเลือดสมองตีบนั้นมีอยู่ไม่กี่ตำรับ 

ในที่นี้ขอแนะนำตำรับหนึ่งที่มีผู้ใช้ได้ผล และบอกต่อกันมา คือตำรับกระเจี๊ยบแดง พุทราจีน และเตยหอม

* สมุนไพรชนิดแรก สีแดงและรสเปรี้ยวจี๊ดของกลีบเลี้ยงผลกระเจี๊ยบแดง นอกจากมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ขับนิ่วในไต และในระบบทางเดินปัสสาวะแล้ว ยังมีฤทธิ์ลดไขมันในเลือด และรักษาโรคความดันโลหิตสูง รวมทั้งลดความเหนียวข้นของเลือดลง ทำให้การไหลเวียนของโลหิตทั่วร่างกายดีขึ้น ซึ่งก็ช่วยรักษาเส้นเลือดขอดให้ทุเลาลงได้ด้วย

* สมุนไพรชนิดที่สอง รสหวาน มัน ฝาด ของผลพุทราจีนสุก ช่วยบำรุงโลหิต บำรุงร่างกาย บำรุงประสาท แก้โรคนอนไม่หลับ

นอกจากนี้ ยังอุดมด้วย วิตามินเอ วิตามินซี ซึ่งช่วยบำรุงสายตา และเพิ่มภูมิต้านทานโรค ที่สำคัญผลพุทราช่วยลดผลข้างเคียงจากกรดซิตริกของกระเจี๊ยบ

ในขณะเดียวกันก็ช่วยเสริมฤทธิ์ป้องหลอดเลือดหัวใจอุดตัน และเส้นเลือดสมองตีบ

* สมุนไพรชนิดที่สาม คือ รสหวานเย็นของใบเตย ช่วยบำรุงหัวใจ ชูกำลัง ลดพิษไข้ ดับพิษร้อนภายใน

วิธีทำ
------
ใช้กระเจี๊ยบแดงแห้ง 30 กรัม เนื้อพุทราแห้งไม่มีเมล็ด 30 กรัม ใบเตยแห้ง 5 กรัม

นำมาล้างน้ำให้สะอาด เติมน้ำพอประมาณแล้วแต่ชอบข้นมากก็ใส่น้ำน้อย อยากได้ข้นน้อยก็ใส่น้ำมาก แล้วเคี่ยวไฟอ่อนๆ ราว 10-15 นาที จะเติมเกลือและน้ำตาล (ไม่ฟอกขาว)เล็กน้อยก็ได้ เพื่อให้ได้รสชาติดีขึ้น

** แต่สำหรับผู้ป่วยเบาหวานและผู้ป่วยที่ควบคุมโซเดียมไม่ควรเติมอะไรเพิ่ม

ดื่มขณะอุ่น วันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 1 แก้ว เช้า-เย็น หลังอาหาร ที่เหลือเก็บใส่ภาชนะมีฝาปิดแช่ตู้เย็นได้ แล้วนำมาอุ่นเพื่อดื่มในมื้อต่อไป

สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ หรือโรคเส้นเลือดสมองตีบเรื้อรัง สามารถดื่มน้ำสมุนไพรสูตรนี้ได้ทุกวัน ช่วยเสริมการบำบัดรักษาที่แต่ละคนดูแลสุขภาพตนเองอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้น

ดื่มเป็นประจำทำให้สมองแจ่มใส หัวใจสดชื่นไปอีกนาน สำหรับผู้ที่ใช้สมองมาก เช่น นักเรียน นิสิต นักศึกษา หรือผู้บริหาร สามารถดื่มสมุนไพรสูตรนี้แทนซุปไก่สกัด หรือผลไม้สกัดราคาแพงๆ ได้เช่นกัน

นอกจากจะได้ยาบำรุงสมองที่มีสรรพคุณดีกว่าแล้ว ยังได้ยาราคาถูกกว่าอีกด้วย


ที่มา : มติชน

วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2556

สมุนไพรไทยแก้โรคภูมิแพ้และหอบหืดได้ผลดีนัก(สูตร1)


สมุนไพรไทยแก้โรคภูมิแพ้และหอบหืดได้ผลดีนัก(สูตร1)

ช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย จึงทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน เพราะในวันหนึ่งๆ มีทั้งอากาศหนาว,ร้อน,ฝนตก
ทำให้เป็นภูมิแพ้ บางท่านเป็นหนักก็จะมีอาการหอบหืด
ดิฉันมีสูตรยาสมุนไพรมาฝาก (ได้ลองกับตัวเองแล้ว)
ได้ผลดีมากๆ เพราะเวลาเป็นทรมานมากๆ จะหายใจลำบาก เวลานอนก็นอนไม่ได้เพราะหายใจไม่สะดวก
สมุนไพรที่ใช้มีดังนี้
1. หอมแดง 1 หัว (ขนาดเท่าหัวแม่มือผู้ป่วย)
2. กระเทียม (ขนาดเท่าหัวแม่มือผู้ป่วย)
3. ขิง เหมือนกับข้อ1-2
4. มะนาว 3-4 ลูก
5. น้ำผึ้ง 2-3 ช้อนโต๊ะ
หอมแดง, กระเทียม, ขิง ที่เอาเปลือกออกแล้ว โขลกรวมกัน
(ถ้ามีเครื่องปั่นก็ใช้วิธีปั่น)ให้ละเอียด
มะนาวบีบเอาน้ำ นำมาผสมรวมกันกับหอมแดง กระเทียม ขิง และน้ำผึ้ง
ป.ล. ควรทำทีละมากๆหน่อย กะปริมาณเพราะสูตรข้างบนนี้เฉพาะดื่มครั้งเดียว ถ้าทำมากเก็บแช่ตู้เย็นไว้ดื่มทุกวันดื่มเวลาไหนก็ได้วันละกี่ครั้งก็ได้ เพราะสมุนไพรมีแต่ประโยชน์ไม่มีโทษ
ตอนแรกดิฉันดื่มได้ประมาณ 1 เดือน อาการดีขึ้นมาก จากที่ต้องกินยา พ่นยา เดี๋ยวนี้ไม่ต้องใช้ยาแล้ว
ถึงจะหายถ้านึกได้ก็จะดื่มเสมอๆ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://ict.in.th/21371

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

วิธีรักษาโรคหอบหืดด้วยสมุนไพร (สูตร2)
ช่วยบอกต่อด้วยนะครับสำคัญมาก เมื่อก่อนลูกชายผมเป็นหอบ ทรมาณมาก ก็ได้วิธีรักษามาจากคุณแม่(แม่ยุพิน ใจทัน) ตอนนี้ลูกชายผมหายขาดแล้ว
วิธีรักษา
1.ใบกระเพราแดง
2.น้ำผึ้งแท้
3.เกลือ
4.เหล้าขาว
วิธีใช้
นำใบกระเพราะแดงผสมกับน้ำผึ้งใส่ในครกตำให้เข้ากันแล้วเอาเกลือใส่(นิดเดียว)กับเหล้าขาวนิดหน่อยตำให้เข้ากัน
คั้นเอาน้ำไปให้คนที่เป็นหอบหืดกิน กินทุกวันไม่นานก็หายครับ
ลองดูนะ
ถ้าหายแล้วก็ขอบคุณด้วยนะครับ
ก็ขอยกความดีนี้ให้แม่ยุพิน ใจทันด้วยครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://khum.co/board-story/t68069

สูตรรักษาโรคริดสีดวงทวาร...แนวชีวจิต


สูตรรักษาโรคริดสีดวงทวาร...แนวชีวจิต

กับสาเหตุหลักการเกิดโรคริดสีดวง



แม้โรคริดสีดวงทวารหนักจะน่ารำคาญ แต่ก็ไม่ใช่โรคร้ายแรง และอาการมักจะดีขึ้นเอง หากดูแลรักษาตนเองอย่างถูกต้อง ซึ่งโรคนี้เกิดขึ้นได้จากสาเหตุหลายประการ แต่ที่พบบ่อยที่สุดเกิดจากพฤติกรรมการกิน การขับถ่าย และการใช้ชีวิตประจำวันผิดๆ

อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง ให้คำแนะนำแก่ผู้ที่มีปัญหาโรคริดสีดวงทวารไว้ดังนี้

-ปรับอาหารด้วยสูตรชีวจิต (ข้าวกล้อง50 เปอร์เซ็นต์ ผัก 25 เปอร์เซ็นต์ โปรตีนจากพืช 15 เปอร์เซ็นต์ เบ็ดเตล็ด 10 เปอร์เซ็นต์) และกินสับปะรดอย่างน้อย 1 เสี้ยวถึงครึ่งผลทุกวัน รวมถึงคั้นน้ำสับปะรดดื่มวันละแก้ว (อย่าใช้น้ำสับปะรดกระป๋อง) ทั้งกินทั้งดื่มประมาณ 1 อาทิตย์ สับปะรดจะช่วยในการย่อยอาหาร และช่วยให้การขับถ่ายสะดวกดีขึ้น

-น้ำส้มสายชูแอ๊ปเปิ้ลไซเดอร์ 2 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ เติมน้ำสุกเล็กน้อย (4 ช้อนโต๊ะ) แล้วจิบตลอดวัน ช่วยแก้อาการคันและแสบของริดสีดวงได้

-ทำดีท็อกซ์ตอนเช้า ควรใช้น้ำมันหล่อลื่นหรือครีมแก้ริดสีดวงทาที่ปลายสายยางสำหรับทำดีท็อกซ์จนเยิ้ม อย่าให้ปลายสายฝืดเป็นอันขาด ต้องหล่อลื่นให้มากๆ

-อย่ากินเค็ม กินเค็มทำให้อ้วน และทำให้น้ำอยู่ในตัวมาก น้ำมากทำให้เส้นเลือดพอง ริดสีดวงก็เลยพองโตตามไปด้ว

-สร้างสุขนิสัยที่ดีในการขับถ่าย ได้แก่ ควรถ่ายให้เป็นเวลา ไม่นั่งถ่ายหรือเบ่งอยู่นานๆ และเมื่อปวดก็อย่าอั้นไว้ ควรถ่ายทันที เพื่อป้องกันการเกิดริดสีดว

-หลังอุจจาระควรใช้น้ำล้าง และหลีกเลี่ยงการใช้กระดาษเช็ด

-ควรหลีกเลี่ยงการยกของหนัก เช่น โซฟาหรือตู้ เพราะจะก่อให้เกิดแรงกดที่ก้น ทำให้คนที่เป็นริดสีดวงอยู่แล้วอาการกำเริบได้เช่นกัน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ชีวจิต

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

สาเหตุหลักการเกิดโรคริดสีดวง

โรคริดสีดวงคือโรคที่เกิดจากโป่งพองของหลอดเลือดบริเวณรูทรวารหนัก ซึ่งสาเหตุที่ทำให้หลอดเลือดเกิดการโป่งพองนั้นอาจเกิดได้จาก การเบ่งอุจจาระ, ท้องผูก, ท้องเสีย, อาหารที่รับประทาน, อายุ, การเช็ดที่อาจรุนแรงเกินไป, โรคทางลำไส้บางชนิด, หรือ ความดันโลหิตสูง ปัจจัยเหล่านี้อาจทำให้เกิดโรคริดสีดวงทวารขึ้นได้
การเบ่งอุจจาระ : การเบ่งอุจจาระทำให้เกิดการเกร็งตัวของหลอดเลือด บริเวณรูทวาร ซึ่งในระยะยาวการเบ่งอุจจาระจำทำให้หลอดเลือดบริเวณทวารหนักค่อยๆเสื่อมลงและเกิดลักษณะปูดนูนขึ้น

ท้องผูก : อาการท้องผูกเป็นสาเหตุหลักอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคริดสีดวง เพราะโดยธรรมชาติของคนเรา เมื่อมีอาการท้องผูก ก็จะต้องเบ่งเพื่อขับถ่ายอุจจาระ ดังนั้นหากคุณเกิดอาการท้องผูกให้ลองใช้เทคนิคต่อไปนี้
หายใจเข้าลึกๆ : การหายใจเข้าลึกๆจะสามารถช่วยให้เกิดการเคลื่อไหวในบริเวณลำไส้ ซึ่งช่วยในการขับถ่าย
อย่าการกลั้นหายใจ : คนท้องผูกส่วนมากมักจะกลั้นหายใจโดยอาจไม่รู้ตัวซึ่งส่งผลทำให้เกิดความดันโลหิตสูงขึ้นในหลอดเลือดบริเวณทวารหนัก และทำให้เกิดเป็นโรคริดสีดวงได้ง่ายขึ้น
อย่านั่งส้วมนานเกิด 5 นาที : ถ้าคุณไม่สามารถ่ายได้ภายใน 5 นาที ก็อย่าพยายามฝืนมัน ให้ลองออกจากห้องน้ำไปทำอะไรเสียก่อน และค่อยกลับมาลองใหม่

ท้องเสีย : สาเหตุที่ทำให้ท้องเสียมีหลายสาเหตุ เช่น การทานอาหารที่มีรสจัดเกินไป, การติดเชื้อ, แพ้นมวัว แต่ไม่ว่าคุณจะท้องเสียด้วยสาเหตุใด เมื่อคุณขับถ่ายบ่อยครั้ง หูรูดบริเวณทวารหนักต้องทำงานมากขึ้น และหากคุณท้องเสียบ่อยครั้ง คุณก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคริดสีดวงได้มากขึ้น


ทานอาหารที่ไม่มีกากใย : อาหารที่คุณรับประทานเป็นประจำมีผลต่อโอกาสการเกิดของโรคริดสีดวง อาหารที่มีการใยสูง เช่น ผักและผลไม้ สามารถช่วยทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้นและลดความเสี่ยงในการเกิดโรค หรือการทานเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์เป็นประจำสามารถเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคริดสีดวงทางอ้อมได้ เนื่องจากเครื่องดืมที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์จะไปดึงน้ำออกจากร่างกาย เมื่อร่างกายขาดน้ำ จะทำให้เกิดการท้องผูกและเกิดโรคริดสีดวงได้ง่ายขึ้น

การทำความสะอาด : การเช็ดที่รุนแรงหรือถี่เกินไปบริเวณทวารหนัก จะทำให้เกิดการเสียดสี ร่างกายจะตอบสนองด้วยการพยายามสร้างเกราะป้องกันสิ่งที่มากระทบกระทั่งมัน จึงทำให้คุณมีโอกาสเป็นริดสีดวงได้มากขึ้น



อายุที่มากขึ้น : ดังที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น โรคริดสีดวงเป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อม ของหลอดเลือดบริเวณทวารหนัก เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้น เนื้อเยื่อและกระดูกของเราจะค่อยๆเสื่อมลง ลำไส้อาจทำได้ไม่ดีและทำให้มีโอกาสทำให้ท้องผูกและเกิดโรคริดสีดวงได้มากขึ้น

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://sukapapdeedee.com/disease/intestine-disease/hemroids/1.html

เหยียบกะลา ธรรมชาติบำบัด รักษาได้ทุกโรค

การเหยียบกะลา เป็นศาสตร์หนึ่งที่ใช้ธรรมชาติบำบัด และรักษาโรคได้หลายโรค บางคนมองข้ามไปคิดว่าจะต้องไปนวดสปา นวดจับเส้น หรือว่าได้รับอาหารดี ๆ หรือจะเป็นอาหารเสริมต่าง ๆ สิ่งเหล่านั้นก็ถือว่าดีเหมือนกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วเราจะทำได้ไหมที่จะต้องไปนวดสปา ซึ่งราคาค่อนข้างแพง หรืออาจจะไม่มีเวลาไปนวดจับเส้น หรือบางคนอาจจะไม่มีเงินพอที่จะซื้ออาหารเสริมราคาแพง ๆ มาบำรุงร่างกาย แต่การเหยียบกะลานั้น สามารถทำได้ทุก ๆ วัน เพียงแค่ใช้เวลากับมันสักเล็กน้อย เราก็จะได้สุขภาพเ้ท้า สุขภาพกายที่ดีกลับคืนมาโดยที่ไม่จำเป็นต้องเสียเงินทองเลย

การเหยียบกะลา สามารถฟื้นฟูผู้ป่วยเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูงได้ ซึ่งมีรายงานจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลตากูก จังหวัดสุรินทร์ จากผู้ป่วยที่เคยทำแผลที่เท้า หลังจากที่ใช้ให้ผู้ป่วยเหยียบกะลา ก็จะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกดีขึ้น ลดการทำแผลได้มาก 75 % และลดอาการชาไปเรื่อย ๆ 25 %
กะลาที่ใช้ควรเลือกกะลาที่มีก้นแหลมพอสมควรเพื่อเท้าเราจะได้สัมผัสกับส่วนที่แหลม ทำให้ช่วยผ่อนคลายจุดต่าง ๆ บริเวณอุ้งเท้ากะลาควรเลือกสถานที่ในการวางให้เหมาะสม กะลาควรวางในที่ที่แน่น ไม่คลอนแคลน ควรวางบนพื้นดินทราย หรือเย็บติดกับพื้นพรม ไม่ควรวางบนพื้นปูน หรือพื้นที่แข็ง เพราะจะทำให้ลื่นได้ง่ายอาจทำให้เกิดอันตรายในการเหยียบได้สำหรับการขึ้นไปเหยียบกะลานั้น ควรหาอุปกรณ์ในการยึดจับให้มั่น เพื่อจะได้ไม่เป็นอันตรายในระหว่างการเหยียบกะลา อาจจะเป็นราวไม้ หรือว่าวางกะลาไว้ใกล้ ๆ โต๊ะ ใกล้ ๆ ผนังกำแพงบ้านไว้สำหรับจับ เพื่อป้องกันการล้มได้การเหยียบกะลา หากผู้ที่ยังยืนไม่แข็งแรง ก็ควรใช้เก้าอี้ในการนั่งก่อน แล้วค่อย ๆ พัฒนาในการยืนต่อไป

การเหยียบกะลานั้น ก็ขึ้นไปยืนลักษณะผ่อนคลาย ไม่เกร็ง ยืนแบบสบาย ๆ ค่อย ๆ ย่ำเท้าให้จุดสัมผัสบริเวณอุ้งเท้าเปลี่ยนจุดสัมผัสไปเรื่อย ๆ การเหยียบกะลานั้น ควรทำอย่างสม่ำเสมอ ทำทุกวันตอนเช้าหรือตอนเย็นก็สุดแล้วแต่จะมีเวลา แต่ที่สำคัญก็ต้องทำเป็นประจำ 2 - 5 นาทีการดูแลสุขภาพของเรานั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องลงทุนมากมายอะไร เพียงแต่นำเอาวัสดุใกล้ตัว วัสดุธรรมชาติมาใช้ในการบำบัดรักษา

การเหยียบกะลา กับโรค เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หากเราดูแลร่างกาย ดูแลสุขภาพของเราอย่างสม่ำเสมอ โรคเหล่านั้นก็จะค่อย ๆ ทุเลา หรืออาจหายไปเลยก็ได้หากเราทำอย่างสม่ำเสมอ ส่วนที่เหลือจากกะลามะพร้าว ก็นำไปปลูกต้นไม้ได้ ไม่เสียประโยชน์

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://thaitopfood.blogspot.jp/2012/11/blog-post_1.html

สาระวันวัน: เหยียบกะลา ธรรมชาติบำบัด รักษาได้ทุกโรคการเหยียบก...

สาระวันวัน:
เหยียบกะลา ธรรมชาติบำบัด รักษาได้ทุกโรคการเหยียบก...
: เหยียบกะลา ธรรมชาติบำบัด รักษาได้ทุกโรค การเหยียบกะลา เป็นศาสตร์หนึ่งที่ใช้ธรรมช าติบำบัด และรักษาโรคได้หลายโรค บางคนมองข้ามไปคิดว่าจะต้...

ผักผลไม้ต้านมะเร็ง

ผักผลไม้ต้านมะเร็ง
สูตร ผักผลไม้ต้านมะเร็ง
เป็นสูตรน้ำผักต้านมะเร็ง ลองทำทานกันดูนะคะ
บทความคัดลอกมานะคะ.
น้ำผักผลไม้สูตรนี้ ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง มีผิวพรรณสดใส
ลองนำไปปั่นทานกันดู..น่าจะดีต่อสุขภาพไม่มากก็น้อย
ส่วนประกอบก็ราคาไม่แพงมากด้วย
สูตรมีดังนี้
1. แอปเปิ้ล 1 ผล
2. แครอท 1 ลูก
3. ผักสลัด (ผักกาดแก้ว) 3 ใบ
4. ตั้งโอ๋ 2 ก้าน
5. มะนาว 1 ลูก
6. น้ำเสาวรส 1/2 แก้ว (ถ้าไม่มีสดให้ซื้อน้ำเสาวรสกระป๋องก็ได้ค่ะ)
7. น้ำผึ้งแท้ 1/2 แก้ว
8. น้ำเปล่า 1-2 แก้ว แล้วแต่ความชอบ
9. ฝรั่ง 1 ผล
10. มะเขือเทศสีดา (ลูกเล็กๆ) 5 ลูก
11. น้ำตาลทรายแดง 3 ช้อนโต๊ะ
นำทุกอย่างมาปั่นรวมกัน
สูตรนี้จะทำได้ประมาณ 1 ลิตร ในกรณีที่เป็นคนป่วย
ให้รับประทานวันละ 1 ลิตร แต่ถ้าดื่มเพื่อสุขภาพเฉยๆ
สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 2-3 วัน
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.jatuka.com/ความรู้ทั่วไป/สูตรน้ำผักต้านมะเร็ง/