วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2556

“ถั่ว” กินวันละ 1 กำมือ ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ



นักวิจัยสเปนแนะนำด้วยความหวังดีว่า ให้กินถั่ววันละ 1 กำมือสักหนึ่งปี ร่วมกับกินอาหารสไตล์แบบเมดิเตอร์เรเนียน ที่มีผักผลไม้และปลาเป็นหลัก จะช่วยล้างความเสี่ยง ต่ออันตรายของโรคหัวใจที่มีอยู่ในตัวให้หมดลงได้
พวกเขายังเห็นผลว่าการกินถั่วร่วมด้วย ยังให้คุณดีกว่าการบำรุงด้วยน้ำมันมะกอก อย่างที่ใช้อยู่ในอาหารแบบเมดิเตอร์ เรเนียนเสียอีก แม้ว่าทั้งสองอย่างจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ได้มากกว่าอาหารที่มีไขมันน้อยด้วยกัน
วารสารทางวิชาการ อายุรศาสตร์ ของสหรัฐฯ รายงานผลการศึกษา เผยว่า ในการทดลองผู้ที่ได้รับผลดีที่สุดเป็นผู้ที่ได้รับการแนะนำให้กินถั่ววอลนัท ถั่วอัลมอนด์ และถั่วเฮเซล แม้ว่าโดยเฉลี่ยจะไม่ทำให้น้ำหนักตัวลดลง แต่เกือบทุกคนก็พุงยุบ และปริมาณไขมันในเลือด และความดันเลือดลดต่ำลง
ดร.จอร์ดิ วาลาส วลวาโด แห่งมหาวิทยาลัยโรวิรา ไอ เวอร์จิลิ ของสเปน หัวหน้าคณะวิจัย กล่าวบอกว่า อาหารพวกถั่วช่วยให้อิ่มเร็วและยังช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น ทั้งยังอุดม ด้วยสารป้องกันการอักเสบอีกด้วย.

สมุนไพรรักษาโรคผิวหนังอักเสบจากสิว



สิวเป็นโรคเรื้อรัง พบบ่อยมากเป็นอันดับต้นๆ ของปัญหาโรคผิวหนัง มักเป็นในวัยรุ่น แต่บางครั้งเลยวัยรุ่นไปแล้วก็อาจเป็นได้ ลักษณะที่บ่งบอกว่าเป็นสิวคือ เป็นเม็ดสิวอุดตันที่เรียกกันว่า คอมมิโดน ถ้าเป็นเม็ดนูนเล็กๆ ไม่มีรูเปิดเรียก สิวหัวขาว ถ้ามีรูเปิดที่ผิวหนังมองเห็นเป็นจุดดำอยู่ตรงกลางเรียกสิวหัวดำ นอกจากนี้อาจเกิดเป็นตุ่มนูนเล็กๆ แดงๆ อาจเห็นเป็นตุ่มหนอง ,หรือตุ่มนูนแข็งเม็ดโต หรือตุ่มแดงอักเสบแบบถุงซีสต์ที่เรียกกันว่า สิวหัวช้าง สิวที่สร้างความวิตกมากคือ สิวบริเวณใบหน้า ซึ่งเป็นบริเวณที่พบบ่อย?ในบางรายอาจเกิดบริเวณ คอ , หลัง, อก, สาเหตุที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ ฮอร์โมนเพศ เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ต่อมไขมันโตเต็มที่ผลิตน้ำมันมากขึ้น ท่อของต่อมไขมันหนาตัวมีการอุดตัน น้ำมันระบายออกไม่ได้คั่งค้างอยู่ภายใน เชื้อแบคทีเรียที่อยู่บริเวณนี้แบ่งตัวเพิ่มขึ้น ย่อยสลายไขมันทำให้เกิดความระคายเคือง และท่อต่อมไขมันแตกออก กรดไขมันออกสู่บริเวณข้างเคียงเกิดเป็นสิวอักเสบขึ้น ความรุนแรงของสิวแต่ละคนแตกต่างกันไป บางรายเป็นมากบางรายเป็นน้อย สิวอักเสบอาจกำเริบได้ในช่วงมีความเครียด เช่น อดนอน หรือในผู้หญิงช่วงใกล้มีประจำเดือน นอกจากนี้การบีบแกะสิว จะกระทบกระเทือนและนำเชื้อโรคเกิดการอักเสบมากขึ้น และมีโอกาสเกิดรอยแผลเป็นเมื่อสิวหายแล้ว
สิวแบ่งเป็น 2 ชนิด
1.สิวไม่อักเสบ เกิดจากการอุดตันของต่อมไขมัน (COMEDONE) แบ่งเป็น 2 ชนิด
  • สิวหัวปิด เห็นเป็นตุ่มเล็ก ๆ หัวขาว ๆ
  • สิวหัวเปิด หรือสิวหัวดำ
2.สิวอักเสบ คือสิวที่หัวแดง ๆ หรือ เป็นหนอง พวกนี้ก็คือ (COMEDONE) ที่มีการติดเชื้อ(BACTERIA)? แทรกซ้อน
ดังนั้น ถ้าเป็นสิวอักเสบ การทำความสะอาด ใบหน้าด้วยสบู่อ่อน ๆ และการป้องกันไม่ให้มีการอุดตันที่รูขุมขน
(COMEDONE)
โดยการใช้น้ำเปล่าล้างหน้าในตอนกลางวัน ก็พอจะช่วยให้สิวลดลงหรือป้องกันไม่ให้สิวใหม่เกิดขึ้น
แต่ถ้าเป็นสิวอักเสบ คงต้องปรึกษาแพทย์ เพราะต้องใช้ปฏิชีวนะ (กินหรือทาแล้วแต่ความรุนแรงของสิว)
สิวอักเสบควรจะต้องรีบรักษา ถ้าไปแกะหรือบีบหนองออก จะเป็นรอยแผลเป็น บุ๋มตลอดไป รักษายากมาก?การนอนดึกทำให้สิวเพิ่มขึ้น ได้ ส่วนใหญ่จะเป็นสิวอักเสบ อาจเป็นเพราะ
1.  ร่างกายอ่อนแอ เชื้อ Becteria ในสิวทำให้มีการอักเสบมากขึ้น
2.  Hormone เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะใน ผู้หญิง ตัวอย่างเช่น บางคนประจำเดือน หรือขณะตั้งครรภ์จะมีสิวเพิ่มขึ้น

สมุนไพรที่ใช้รักษาสิวได้แก่
ว่านหางจรเข้ ล้างหน้าเช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาด ใช้วุ้นจากใบสดทาบริเวณที่มีอาการ วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ปล่อยให้แห้งโดยไม่ต้องล้างออก
  • ข้อควรระวัง ต้องล้างยางสีเหลืองจากขอบใบออกให้หมดก่อนใช้ เนื่องจากมีฤทธิ์ระคายเคืองมาก อาจทำให้เกิดการแพ้ สำหรับผู้ที่ผิวแพ้ง่าย อาจทดลองทาวุ้นบริเวณท้องแขนดูก่อน หากมีผื่นแดงหรือคันไม่ควรใช้ทาหน้า

วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2556

สวยแบบประหยัด

สวยแบบประหยัด (เดลินิวส์)






























ผลไม้มาร์คหน้า
          การนำผลไม้ที่รับประทานเป็นประจำมามาร์คหน้า คือการประหยัดและยังช่วยในการดูแลผิวแบบธรรมชาติ ผลไม้หลายๆ ประเภท จะมีสารสกัดที่ดีต่อผิว เช่น ผลไม้ไม้เปรี้ยวๆ อย่าง สับปะรด, มะม่วงสุก, มะเฟือง, ส้ม ฯลฯ ที่มีกรดผลไม้ที่ดีต่อการทำให้ผิวขาวใส เรียบเนียน ขอแนะนำว่าควรผสมอย่างอื่นเพื่อลดความเป็นกรดลงด้วย เช่น โยเกิร์ตหรือน้ำผึ้ง

          สครับริมฝีปาก
          ริมฝีปากที่นุ่มชุ่มชื่นทำให้ดูดีขึ้น วิธีประหยัด คือ การนำกระวานป่น 1 ช้อนชา มาขัดริมฝีปากหลังล้างหน้า ถึงแม้จะมีรสเผ็ด แต่ได้ผลดีต่อริมฝีปาก จากนั้นล้างออกแล้วบำรุงด้วยลิปบาล์มอีกครั้ง  

          อบไอน้ำสมุนไพร
          อบไอน้ำแบบประหยัด คือ นำใบมะกรูด ข่า ขิง มะนาว มาต้มในหม้อให้พออุ่น จากนั้นวางพักในจุดที่พอก้มหน้าให้ไอร้อนสัมผัสผิวได้อ่อนๆ หรืออาจนำผ้ามาคลุมศีรษะและหม้อน้ำให้ไอน้ำไม่ระเหยเร็วก็ได้ ความร้อนและสมุนไพร จะช่วยเปิดรูขุมขนและดีท็อกซ์ให้ผิวหน้าให้สะอาดสดใส จากนั้นล้างหน้าด้วยน้ำเย็นเพื่อกระชับผิวอีกรอบ

          ผลไม้เพื่อผมสวย
          ลองนำกล้วยน้ำว้า แตงโม น้ำส้ม และน้ำมะกรูด มาบดผสมรวมกัน แล้วนำมาหมักเส้นผมทิ้งไว้ 10 - 15 นาที แล้วล้างออก จะทำให้เส้นผมมีได้กลิ่นหอมๆ จากผลไม้แล้ว ยังทำให้เส้นผมได้รับคุณค่าบำรุงใหม่ๆ อีกด้วย 

          ถ้าอยากสวยแบบประหยัด ก็ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้ 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

สูตรสครับผิวสวยจากกล้วย

สูตรสครับผิวสวยจากกล้วย 


 วันนี้กระปุกดอทคอมมีเรื่องสวย ๆ มาอัพเดทกันอีกแล้ว คราวนี้เป็นทีของ "กล้วย" ผลไม้สีเหลืองน่ารับประทาน อันมากไปด้วยวิตามินและคุณประโยชน์ต่าง ๆ ที่ช่วยบำรุงผิวให้เนียนสวยและมีสุขภาพดีด้วยการสครับ ซึ่งเราก็มีมาฝากคุณสาว ๆ กันอยู่หลากหลายสูตรเลยล่ะค่ะ 

          ขอแนะนำให้คุณสาว ๆ เลือกใช้กล้วยน้ำว้าจะดีที่สุด เพราะในกล้วยชนิดนี้มีสารอาหารและวิตามินอยู่มากมาย ทั้งวิตามินบี1,บี2,วิตามินซีและสารเบต้าแคโรทีน เพื่อให้ผิวได้รับประโยชน์จากการบำรุงอย่างเต็มที่ แต่หากไม่มีกล้วยน้ำว้าจะใช้เป็นกล้วยหอมแทนก็ได้

สูตรสครับผิวสวยจากกล้วย 

 กล้วยน้ำว้าสุก 3-4 ลูก + น้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะ

          นำมาปั่นรวมกันจนได้เนื้อเนียนละเอียดเข้ากันแล้วจึงนำมานวดวน ๆ เบา ๆ ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ทิ้งประมาณ 15 นาที สำหรับสูตรน้ำผึ้งกับกล้วยนี้จะช่วยปรับผิวให้นวลเนียน

 กล้วยน้ำว้าสุก 3-4 ลูก + นมสดแช่เย็น 1 ถ้วย

          นำมาปั่นรวมกันให้เข้ากันแล้วพอกไว้ 10-20 นาที สูตรนี้จะช่วยทำให้ผิวหยาบกร้าน กระด่างกระดำ ดูเรียบเนียนสดใสขึ้น (ผิวไหม้แดดก็ใช้สูตรนี้ได้ด้วยนะจ๊ะ)

 กล้วยน้ำว้าสุก 3-4 ลูก + ดินสอพอง + มะนาว ½ ซีก

          ใช้ดินสอพองในสัดส่วนที่กะให้เท่ากันกับปริมาณกล้วยน้ำว้าที่สับหรือปั่นแล้ว จากนั้นให้นำมาทาทิ้งไว้จนเริ่มแห้งหรือประมาณ 15 นาทีแล้วจึงล้างออก จะสังเกตได้ว่าผิวจะนุ่ม กระชับ ขาวกระจ่างใสขึ้นได้อย่างทันตาเลยทีเดียว

          เอาล่ะค่ะ เมื่อรู้สูตรผิวสวยจากกล้วยกันไปแล้ว ยังไงก็อย่าลืมไปลองทำตามกันดูนะคะ รับรองเลยว่าผิวคุณจะสวยเนียนสดใสขึ้นอย่างแน่นอนเลยล่ะค่ะ

ขจัดคราบขี้ไคลที่ต้นคออย่างไรให้หายเกลี้ยง

ขจัดคราบขี้ไคลที่ต้นคออย่างไรให้หายเกลี้ยง





















 ใครที่กำลังกังวลกับคราบขี้ไคลในบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะคราบไคลสะสมบริเวณต้นคอที่ขัดที่แก้ยังไงก็ไม่หายสักที วันนี้สบายใจได้เลยค่ะเพราะกระปุกดอทคอมมีเคล็ดลับในการกำจัดทั้งขี้ไคลและครอบรอยดำต่าง ๆ บริเวณต้นคอมากฝากกันหลากหลายวิธี ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้นก็ไปต้องดูกันเลยค่ะ

            สครับผิวบ้างอะไรบ้าง

          ลองเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ขัดลอกผิว อย่างเกลือขัดหรือเจลลอกขี้ไคลที่สามารถทำหน้าที่ลอกเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกมาได้เป็นอย่างดี แถมยังไม่ต้องออกแรงขัดจนแสบแดงไปทั้งคอหรืออาจลองสครับจากธรรมชาติอย่างมะขามเปียกที่มีสารเอเอชเอตามธรรมชาติช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสขึ้นได้ โดยการนำเอาเนื้อมะขามเปียกมาขัด นวดบริเวณลำคออาทิตย์ละครั้ง

            ต้องมีอุปกรณ์เสริมมาช่วยขัด

          ด้วยการใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กชุบน้ำอุ่นวางทิ้งไว้ที่ลำคอสักพักเพื่อให้ผิวชุ่มน้ำ จากนั้นจึงค่อยขัด ๆ ทำเป็นประจำทุกครั้งขณะอาบน้ำ หรืออาจใช้ใยบวบ ฟองน้ำที่มีอยู่ขัดไปพร้อม ๆ กับตอนฟอกสบู่ก็ได้

            โทนเนอร์และน้ำมันมะกอกช่วยได้

          หากใครใช้โทนเนอร์เช็ดหน้าบำรุงผิวทุกครั้งหลังล้างหน้าอยู่แล้ว ก็ให้เช็ดบริเวณคอและตรงที่มีคราบดำอยู่เสมอเพราะวิตามินต่าง ๆ ที่มีอยู่ในโทนเนอร์ก็ช่วยบำรุงและปรับสีผิวให้ขาวเรียบเนียนขึ้นได้เหมือนกัน ส่วนน้ำมันมะกอกนี้ให้พอกไว้สัก 20 นาทีแล้วค่อย ๆ ใช้สำลีเช็ดออกเพื่อช่วยลดคราบและบำรุงผิวให้ดีขึ้นได้

          ส่วนวิธีป้องกันไม่ให้เกิดคราบขี้ไคลและรอยดำต่าง ๆ เกิดขึ้นบริเวณลำคอนั้นก็ไม่ยากเลย เพียงแค่คุณสาว ๆ จะต้องหมั่นเช็ดล้างทำความสะอาดคราบเหงื่อไคล แป้ง ครีมที่มักจะไปสะสมติดอยู่ที่คออยู่เสมอ ๆ รวมไปถึงควรเลือกใส่เสื้อผ้าที่ไม่อับชื้นตรงช่วงปกคอเสื้อซึ่งอาจไปเสียดสีจนก่อให้เกิดรอยดำและขี้ไคลขึ้นอีกได้

          เมื่อได้รู้วิธีแก้และป้องกันต่าง ๆ เหล่านี้แล้ว สาว ๆ ก็ควรลองนำไปปฏิบัติตามกันดูนะคะ รับรองว่าคราบไคล ร่องรอยดำต่าง ๆ จะต้องอันตรธานหายไปหมดเกลี้ยงแน่นอนเลยล่ะค่ะ

5 สิ่งนี้ผิวต้องการทุกวัน...อย่าได้ขาด

5 สิ่งนี้ผิวต้องการทุกวัน...อย่าได้ขาด





















5 สิ่งนี้ผิวต้องการทุกวัน…อย่าได้ขาด (Lisa)

          นอกจากผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแล้ว นี่คือสิ่งที่ผิวของคุณขาดไม่ได้ในแต่ละวัน

         1. สารต่อต้านอนุมูลอิสระ : ที่มีอยู่ในวิตาวินเอ ซี และอี ซึ่งจะช่วยทำให้ผิวของคุณดูเปล่งปลั่งออกมาจากข้างใน วิตามินพวกนี้มีอยู่มากในผักและผลไม้

         2. การนวด : การนวดจะช่วยกระตุ้นระบบหมุนเวียนในผิวซึ่งคุณสามารถทำได้ในขณะทาครีม โดยใช้นิ้วมือถูเบา ๆ เป็นแนววงกลมวันละแค่หนึ่งนาทีก็เพียงพอแล้ว

         3. ความชุ่มชื้น : ซึ่งหาได้จากครีม น้ำมัน หรือโลชั่น โดยจะช่วยเติมความชุ่มชื้นหลังล้างหน้า และปกป้องผิวจากปัจจัยต่าง ๆ ด้วย

         4. น้ำ : ถึงแม้การดื่มน้ำจะไม่ได้ช่วยให้ผิวอิ่มเอิบขึ้นมาโดยตรง แต่ถ้าคุณดื่มน้ำไม่เพียงพอในแต่ละวันก็จะส่งผลให้ผิวดูหม่นหมองได้

         5. ครีมกันแดด : คุณจำเป็นต้องปกป้องผิวเป็นประจำทุกวันโดยทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF30 เป็นอย่างน้อยในบริเวณที่ไม่มีอะไรปกปิด ไม่ว่าวันนั้นฝนจะตกหรือแดดจะออกหรือไม่

น้ำยาลอกผิวขาว เปลี่ยนผิวใหม่ได้อย่างปลอดภัยจริงหรือ


น้ำยาลอกผิวขาว เปลี่ยนผิวใหม่ได้อย่างปลอดภัยจริงหรือ






















 ในช่วงหลายปีมานี้กระแสการมีผิวขาวยังคงความแรงอยู่อย่างต่อเนื่องในหมู่ของสาว ๆ ยุคปัจจุบัน ที่ต้องการจะมีผิวขาวเนียนสดใส อย่างชนิดที่เรียกได้ว่าพากันสรรหาและขวนขวายวิธีต่าง ๆ มาเนรมิตให้ได้ผิวสวยดั่งใจฝันกันอยู่เสมอ และในวันนี้กระปุกดอทคอมก็จะขอหยิบยกเรื่องของน้ำยาลอกผิวขาว ที่ตอนนี้กำลังเป็นอีกผลิตภัณฑ์หนึ่งที่หลายคนกำลังจับตามองอยู่ว่ามันสามารถลอกผิวดำให้ขาวใสภายในไม่กี่วันได้จริงหรือเปล่า หากสาว ๆ คนไหนอยากรู้ก็ต้องรีบตามเราไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

       น้ำยาลอกผิวขาว คืออะไร

          คือ น้ำยาที่ประกอบไปด้วยน้ำกรด TCA (กรดไตรคลออะซีติก/กรดไกลโคลิก) ยาชาและสีผสมอาหารตามสัดส่วนที่คนขายหรือคลินิกได้กำหนดและปรับปรุงขึ้นมา เพื่อวางจำหน่ายสำหรับคนที่ต้องการมีผิวขาวเนียนใส ซึ่งจะมีความแตกต่างจากการใช้ผลิตภัณฑ์เร่งผลัดเซลล์ผิวขาวแบบอื่น ๆ ทั่วไป เพราะหลังจากที่ทาหรือแต้มน้ำยาลอกผิวไปแล้วผิวหนังจะมีการผลัดเซลล์ผิวให้หลุดออกไปอย่างเร่งด่วน คือ มีการหลุดออกมาเป็นแผ่น ๆ ภายใน 5 – 7 วัน ซึ่งต้องบอกว่าในสมัยก่อนการใช้น้ำยาลอกผิวนั้นจะมีแต่แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเป็นผู้ทำการคิดค้นและทำการปรุงส่วนผสมเพื่อไว้ใช้ทำการรักษาทางการแพทย์หรือตามความเห็นของคุณหมอเท่านั้น ไม่ได้มีการวางขายเหมือนในปัจจุบันแต่อย่างใด

       น้ำยาลอกผิวขาวเห็นผลได้จริงและมีความปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน

          ในขณะที่ผิวมีการผลัดลอกเซลล์ผิวอยู่นั้นจะสังเกตได้ว่าผิวเดิมกับผิวที่ลอกออกมาใหม่จะสีไม่เท่ากัน คือ ผิวใหม่ที่กำลังลอกออกจะดูขาวขึ้นจนทำให้เข้าใจกันไปว่าน้ำยาลอกผิวสามารถช่วยทำให้ผิวขาวขึ้นได้ แต่แท้จริงแล้วคือผิวขาวที่เห็นจะเป็นผิวชั้นในที่ยังไม่โดนทำร้ายจากแสงแดด,สารเคมีและสิ่งอื่น ๆ จึงทำให้ดูเนียนใส เปล่งปลั่งมากกว่าผิวเดิม

          แน่นอนว่าเรื่องของความปลอดภัยของการใช้น้ำยาลอกผิวนั้นยังมีความเสี่ยงอยู่มาก เพราะผลิตภัณฑ์ที่วางขายอยู่ทั่วไปนี้ไม่มีการผ่านการรับรองความปลอดภัยอย่างเป็นทางการจากองค์การอาหารและยา (อย.) ซ้ำยังต้องเจอกับผลลัพธ์ที่ไม่แน่นอนและผลกระทบด้านผิวหนังและโรคอื่น ๆ ที่จะตามมาอีกมากมายเลยทีเดียว อาทิ ผิวหนังจะอ่อนแอลงจนไม่สามารถทนต่อแสงแดดถึงขั้นเกิดเป็นโรคมะเร็งผิวหนังได้หรืออาจเป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกที่โดนสารเคมีกัดกร่อน ซึ่งถือว่าอันตรายมากหากใช้มีสารเหล่านี้ตกค้างอยู่ในร่างกายในปริมาณมาก ๆ ก็จะยิ่งผลเสียต่อสุขภาพในอนาคตได้

          ดังนั้นแล้วหากสาว ๆ คนไหนอยากมีผิวขาวใสอย่างไม่มีอันตรายปลอดภัยแล้วล่ะก็ ควรเลี่ยงครีมและยาที่มีสารเคมีออกไปเลยจะดีกว่า แล้วหันมาดูแลผิวตัวเองด้วยการเลือกรับประทานผัก ผลไม้และอาหารที่ช่วยเสริมสร้างวิตามินผิวสวยจากธรรมชาติ รวมไปถึงการออกกำลังกายขับของเสียทิ้ง ซึ่งนอกจากจะทำให้ผิวดูผ่องใส เปล่งปลั่งแล้วยังทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงอีกด้วยนะคะ 

เคล็ดลับการดูแลผิวหน้า









วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2556

ลดพุงง่ายๆ ด้วย 10 วิธีเริดๆ

ลดพุงง่ายๆ ด้วย 10 วิธีเริดๆ


 "อยากมีหน้าท้องแบน ราบเรียบเหมือนนางแบบคนนี้จังเลย" นั่นแน่!! เชื่อแน่ว่าสาวๆหลายคนต้องมีความคิดอย่างนี้แน่ๆ เมื่อเปิด magazine แล้วเห็นนางแบบที่หน้าท้องแบน อย่างกับเธอไม่ได้กินอะไรมาแรมปี แล้วก็เกิดความอิจฉาอยากจะเป็นอย่างพวกเธอบ้าง....คุณได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้ เพียงแค่คุณทำตามคำแนะนำกับวิธีง่ายๆในการลดพุงที่เราจัดหามาฝาก...ได้ผลแค่ไหนคุณต้องลองจัดซะ



 1.บอกลาอาหารจังก์ฟู้ดส์ เพราะอาหารจังก์ฟู้ดส์เหล่านี้ มักมีทั้งน้ำตาล และไขมันอิ่มตัวเป็นส่วนประกอบแทบทั้งนั้น

2.น้ำตาลคือจอมวายร้าย เพราะฉะนั้นเลือกทานอาหารประเภทซูการ์ฟรีซะ มันช่วยทำให้หน้าท้องของคุณลดลงได้

3.หลีกเลี่ยงอาหารประเภทแป้งขัดขาว ขนมปังขัดขาว พาสต้า โดนัท เค้ก และบิสกิต เพราะอาหารเหล่านี้จะทำให้คุณอ้วนขึ้น แถมยังส่งผลเสียต่อระบบย่อยอาหารด้วย และยังทำให้เกิดไขมันเก็บสะสมในร่างกายอีกต่างหาก
4.อย่ากินขนมตอนกลางคืน นั่นก็เพราะการรับประทานขนมตอนกลางคืน จะทำให้คุณไม่สามารถเผาผลาญไขมันออกไปได้ เพราะช่วงกลางคืนเราทานแล้วก็นอน แทบไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรที่เผาผลาญพลังงานอีกแล้วนั่นเอง

5.เปิดไฟนอน เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้มีการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า การนอนหลับในห้องที่เปิดไฟ จะมีช่วยลดความอยากอาหารได้มากกว่านอนในสภาพบรรยากาศมืด ๆ ซึ่งแน่นอนว่า มันเกี่ยวข้องกับขนาด "พุง" ของคุณอย่างไม่ต้องสงสัย

6.ออกกำลังกายลดความอ้วน คำแนะนำที่ดีที่สุดสำหรับคนที่อยากลดน้ำหนัก กำจัดพุง ก็คือ การออกกำลังกายนี่เอง เพราะมันจะช่วยเผาผลาญไขมัน และน้ำหนักให้คุณได้
7.ดื่มชาเขียว วันละ 3-4 แก้ว เพราะมันจะช่วยให้การออกซิเดชั่นไขมันดีขึ้น เร่งอัตราการเผาผลาญในร่างกาย แถมยังสามารถลดคอเลสเตอรอลได้อีกต่างหาก

8.เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการดื่มน้ำผึ้งผสมน้ำมะนาวอุ่น ๆ รับรองว่าเวิร์ก

9.อย่าปล่อยให้หิว เพราะหากยิ่งปล่อยให้หิว ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความอยากอาหารจะยิ่งหลั่งออกมา และหากคุณกินตามใจฮอร์โมน น้ำหนักเพิ่มขึ้นแน่นอน
10.ลดทานเค็ม นั่นก็เพราะการทานอาหารรสเค็มจัดเกินไปเป็นสาเหตุให้ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความอ้วน และน้ำหนักในเด็กผู้หญิงเปลี่ยนแปลงได้
http://webboard.yenta4.com/topic/509601


วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556

"ส้มตำ" ลดอ้วน!!

"ส้มตำ" ลดอ้วน!!


















มันเป็นอาหารที่หลายๆ คนทั้งรู้จักดีและนิยมกันดี มองดูเผิน มันดูเป็นแค่อาหารจานเดียวธรรมดาเท่านั้น แต่รู้มั้ยคะ?ประโยชน์มันก็ไม่ใช่น้อยเหมือนกัน โดยเฉพาะกับคนที่ต้องการลดความอ้วน











    “ส้มตำ” ถือว่าเป็นหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการลดหุ่นลดอ้วนเพราะเป็นอาหารที่มีส่วนผสมของผลไม้และผักเยอะ ไม่ว่าจะมะละกอ มะเขือเทศหรือถั่วฝักยาว ซึ่งผลไม้แต่ละอย่างเหล่านี้ก็ล้วนมีประโยชน์อยู่ในตัวของมันเองอยู่แล้ว เช่น มะละกอ จะมีวิตามิน A, B1, B2, B3, B6, B5, B12, C,E แค่นี้คุณค่าของมันก็มากแล้วส่วนถ้ามีคนถามว่า แล้วไขมันกับคอลเลสเตอรอลล่ะ? มีเยอะมั้ย? หญิงก็ขอตอบว่าต่ำค่ะแต่ต้องไม่ลืมนะคะในเวลาที่ไม่สามารถทำได้เอง ต้องไปสั่งเอา จะต้องบอกว่าไม่ใส่ชูรสเพราะมันคือตัวอันตรายต่อร่างกายและต่อความอ้วนด้วยกับอย่าลืมบอกว่าหวานน้อยหรือไม่หวาน เพราะความหวานก็ส่งผลโดยตรงความอ้วนเช่นกันค่ะแต่ถ้าบางคนไม่อยากจะให้เสียรสชาติที่เคยกินไป ก็แนะว่าเป็นหวานน้อยละกันค่ะ นอกจากนี้แล้ว ใยอาหารต่างๆยังจะช่วยขับถ่ายส่วนเกินที่เป็นสารพิษต่างๆ ออกจากร่างกายซึ่งสารพิษเหล่านั้นอาจทำให้เกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ และการขับถ่ายก็จะดีขึ้นช่วยป้องกันริดสีดวงทวารและโรคท้องผูกได้อีกค่ะ
เป็นยังไงคะอาหารพื้นบ้านที่มีขายอยู่ทั่วทุกมุมเมืองในบ้านเราแท้ที่จริงมันก็มีประโยชน์อยู่มากมายจนบางคนคิดไปไม่ถึง มองข้ามมันไป ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับเมนูที่ทุกท่านจะเลือกแล้วค่ะว่าจะเลือกทานเมนูไหน และใส่อะไร ทั้งเพื่อสุขภาพ และเพื่อหุ่นสวย ^^

อาบน้ำตามแบบโบราณ ผิวดี ลดไขมันตกค้างในลำไส้


อาบน้ำตามแบบโบราณ ผิวดี ลดไขมันตกค้างในลำไส้ 














เคยได้ยินไหมว่า "เพิ่งกินข้าวเสร็จอย่าเพิ่งอาบน้ำ" เพราะอาหารจะไม่ย่อย คนโบราณรู้อะไรที่เราไม่รู้...
       เพราะกระเพาะต้องใช้เลือดในการย่อยอย่างมาก หากไปอาบน้ำ เลือดจะวิ่งมาที่ผิว ไม่ช่วยกระเพาะย่อยอาหาร ท้องก็จะอืด...สุดท้ายก็เน่าใน(เพราะการย่อยไม่สมบูรณ์ อาหารที่เหลือไปหมักหมมที่ลำไส้)

เมื่อเริ่มกินอาหารแล้ว..อย่าเพิ่งอาบน้ำ
 วิธีการอาบน้ำที่ดีแต่โบราณก็คือ
ตอนเช้าให้อาบน้ำเย็น...เพื่อให้ร่างกายสดชื่น และควรอาบก่อนกินอาหารเช้าด้วย ส่วนตอนเย็นให้อาบน้ำอุ่น ทำให้ร่างกายผ่อนคลาย หลับสบาย 

       ความเครียดจากกิจกรรม ระหว่างวันจะถูกระบายออกไปทางรูขุมขน ไม่เก็บกักไว้ในหัวใจ 

"หากความเครียด เก็บกักไว้ในหัวใจ" จะทำให้เป็นคนนอนหลับยาก ตื่นเช้ามาก็จะเพลีย นอนไม่อื่ม

แต่ถ้าตอนเช้าหากไปอาบน้ำอุ่น ก็จะทำให้เลือดถูกดึงมาที่ผิวมาก และระบายออกทางรูขุมขนที่เปิด เสียพลังงานแต่เช้า จะรู้สึกไม่สดชื่นแต่กลับผ่อนคลาย ไม่อยากทำอะไร ซึ่งจริงๆ แล้วในตอนเช้า เป็นเวลาที่กระเพาะทำงานได้สูงสุด ย่อยอาหารได้สูงที่สุด ดังนั้นพวกนี้ต่อไปเรื่อยๆ จะกินอาหาร แล้วย่อยยาก ท้องอืด มีอาการเพลียหลังกินข้าว ต้องกินกาแฟ ตามลงไปจึงทำให้รู้สึกตื่นขึ้น สุดท้ายก็ติดกาแฟอีกด้วย อาหารที่ย่อยไม่หมด จะเน่าที่ภายในลำไส้ ก่อให้เกิดสิวฝ้า เพราะของเสียต้องถูกระบายออกทางรูขุมขน

ควรอาบน้ำเย็นในยามเช้าแทน(อุณหภูมิที่ทนได้ ไม่จำเป็นต้องมาจากตู้เย็น แต่อาบแล้วรู้สึกเย็น) เพื่อจะช่วยให้รูขุมขนปิด พลังชี่ถูกเก็บไว้ในกาย พร้อมกับทำงานได้ตลอดทั้งวัน สังเกตได้เลยว่าจะรู้สึกมีกำลังมากขึ้น ไม่อ่อนเพลีย

 เทคนิคช่วยทำให้หน้าเด้ง...
        คือในยามเช้า ให้เอาน้ำเย็น(เจี๊ยบ)มาล้างหน้า... (ในสมัยก่อน น้ำฝนในตุ่มก็เย็นชื่นใจแล้ว แต่ในเมืองจีน น้ำเย็นถึงใจเลย 
คือในยามเช้า ให้เอาน้ำเย็น(เจี๊ยบ)มาล้างหน้า... (ในสมัยก่อน น้ำฝนในตุ่มก็เย็นชื่นใจแล้ว แต่ในเมืองจีน น้ำเย็นถึงใจเลย ส่วนยุคเรา แนะนำให้เอามาจากตู้เย็นเลย) เนื่องจากที่ใบหน้าเป็นเส้นลมปราณหยางทั้งหมด ลองเอาน้ำเย็นมาล้างดู จะรู้สึกอุ่น และสดชื่น เลือดมาเลี้ยงเยอะขึ้น ผิวหน้าจะไม่หย่อนยา นง่าย บางคนจะเกิดปรากฎการณ์ "อมชมพู" โดยมิได้คาดหมาย ดวงตาจะสดใส เปล่งประกาย
ส่วนยุคเรา แนะนำให้เอามาจากตู้เย็นเลย) เนื่องจากที่ใบหน้าเป็นเส้นลมปราณหยางทั้งหมด ลองเอาน้ำเย็นมาล้างดู จะรู้สึกอุ่น และสดชื่น เลือดมาเลี้ยงเยอะขึ้น ผิวหน้าจะไม่หย่อนยา นง่าย บางคนจะเกิดปรากฎการณ์ "อมชมพู" โดยมิได้คาดหมาย ดวงตาจะสดใส เปล่งประกาย